วันพุธที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2554






สะท้อนผลการเล่านิทานเล่มใหญ่

**สิ่งที่เด็กได้รับ**
1.ได้เรียนรู้ภาษาจากการฟังนิทาน
2.ได้เกิดการเรียนรู้ภาษาที่แปลกใหม่
3.ได้เปลี่ยนบรรยากาศในการฟังนิทาน
4.ได้เกิดการคิดและจินตนาการ
5.เด็กเกิดความสนุกสนานตื่นเต้น คอยลุ้นว่ามันคืออะไร

**สิ่งที่นักศึกษาได้รับ**
1.ได้เรียนรู้ประสบการณ์ตรง
2.ได้รู้จัการทำงานร่วมกันเป็นกลุ่ม
3.ได้เรียนรู้การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า

บันทึกการเข้าเรียนครั้งที่15

วันอังคารที่15กุมภาพันธ์ 2554

สำหรับในวันนนี้เป็นวันสุดท้ายของการเรียนการสอนอาจาย์สรุปความรู้จากที่ได้เรียนมาและอาจารย์ก็ได้ชี้แจ้งว่าต้องส่งงานอะไรบ้างขาดงานชิ้นไหนพร้อมกับให้คติสอนใจมากมายและอาจารย์ก็ได้อวยพรให้นักศึกษาสอบผ่านทุกวิชา

**ความรู้สึกในวันี้ดิฉันมีความสุขมากที่เห็นอาจารย์ผู้สอนและนักศึกษามีแต่รอยยิ้มและเสียงหัวเราะบรรยายกาศในห้องเรียนเต็มไปด้วยความอบอุ่น เหมือนทุกคนอยู่ครอบครัวเดียวกัน

บันทึกการเข้าเรียนครั้งที่14

วันอังคาร ที่ 8 กุมพาพันธ์ 2554

สำหรับในวันนี้อาจารย์ให้นักศึกษาวัดความรู้ ความเข้าใจตามหัวข้อต่อไปนี้
-การจัดสภาพแวดล้อมในห้องเรียนควรมีลักษณะอย่างไร
-มุมที่ดีควรมีลักษณะอย่างไร
-มุมบ้าน
-มุมหมอ
-มุมร้านค้า
-มุมจราจร

และวันนี้อาจารย์ได้สอนเกี่ยวกับ...
**หลักและเกณฑ์ให้นักศึกษาไปคิดต่อ**
1เริ่มจากตัวเด็กก่อน ไม่ว่าจะเป็นความพร้อมหรือสนใจ
2สอนแบบธรรมชาติ
3สอนอย่างมีความหมาย
4สอนจากสิ่งที่เด็กได้พบเห็น หรือมีประสบการณ์มาก่อน
5สอนให้เด็กรู้สึกสนุกและอยากเรียน
6ให้โอกาสเด็กได้ใช้ภาษา
7เด็กอยากอ่านก็ครให้อ่านเด็กแยกเขียนก็ควรให้เขียน

**เทคนิคที่ไม่ควรนำมาใช้ในการสอนภาษา**
1เน้นความจำ
2เน้นการฝึก
3ใช้การทดสอบ
4สอนแต่ละลักษณะแยกจากกัน
5การตีตราเด็ก
6ใช้แบบฝึกที่เป็นกระดาษหรือดินสอเป็นจุดประ
7ไม่ยอมรับความผิดพลาด
8สอนภาษาเฉพาะในเวลาที่กำหนด
9ช่วงการสอนภาษาจะจำกัดเวลา
10จำกัดวัสดุอุปกรณ์อาจเหลือเพียง ดินสอ หนังสือแบบเรียน


**เทคนิคที่ควรนำมาใช้ในการสอนภาษา**
1สอนในสภาพแวดล้อมที่เป็นธรรมชาติ
2สอนสิ่งที่มีความหมายสำหรับเด็ก
3สอนจากสิ่งที่รู้ไปสู่สิ่งที่ไม่รู้
4บรูณาการเข้ากับสาขาวิชาเรียน
5ให้โอกาสเด็กทุกคนเรียนรู้ภาษา
6ใช้ความคิดและถ้อยคำของเด็ก
7ยอมรับการคาดเดาของเด็ก
8ให้โอกาสเด็กอย่างมากมาย
9จัดหาเครื่องเครื่องใช้ต่างๆ
10ทำให้การเรียนรู้น่าสนใจ และสนุกสนาน

และสุดท้ายของวันนี้อาจารย์ให้นักศึกษาฟังเพลงเกาะสมุยแล้วให้นักศึกษาสรุปตามหัวข้อดังนี้
-นักศึกษาฟังเพลงเกาะสมุยแล้วรู้สึกอย่างไร
-เนื้อเพลงเกษะสมุยมีเนื้อหาว่าอย่งไร

ความรู้สึกในการเรียนการสอนวันนี้ ได้รับความรู้และเนื้อที่ดีมากสามาถเข้าใจได้ง่าย

บันทึกการเข้าเรียนครั้งที่13

วันอังคาร ที่ 1 กุมพาพันธ์ 2554
สำหรับในนี้อาจารย์ได้สอนเกี่ยวกับความรู้ของเด็กจะเพิ่มพูนขึ้นเมื่อเด็กได้รับโอกาสในการทำกิจกรรม ที่เกี่ยวกับการอ่านร่วมกับผู้ใหญ่ และกิจกรรมที่จัดให้เด็กได้อ่านเงียบๆตามลำพัง การอ่านกับเพื่อนเป็นคู่ การอ่านเป็นกลุ่มย่อย เพื่ออภิปรายร่วมกัน ในการรับฟังและตรวจสอบความคิดความเข้าใจซึ่งกันและกัน โดยเฉพาะการอ่านจากสิ่งที่ครูเด็กเขียนร่วมกันหรือสิ่งที่เด็กเขียนขึ้นเองนับได้ว่าเป็นการอ่านที่ดีที่สุดของเด็ก
***ลักษณะสำคัญและกิจกรรมทางภาษาแบบองค์รวม***
*อ่าน-เขียน*
-เน้นความเข้าใจเนื้อเรื่องมากกว่าการท่องจำตัวหนังสือผ่านการฟังนืทาน การสนทนาโต้ตอบ คิดวิเคราะห์ร่วมกับครูหรือผู้ใหญ่
-การคาดคะแนโดยการเดาในขณะอ่าน เขียน และสะกดเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ใยการเรียนรู้ภาษาธรรมชาติโดยไม่จำเป็นต้องอ่านหรือสะกดถูกต้องทุกคำ
-มีหนังสือ วัสดุสิ่งพิมพ์ต่างๆให้เด็กเป็นผู้เลือกเพื่อได้รับประสบการณ์อย่างหลากหลาย
-ครูแนะนำและสอนอ่านในกลุ่มที่ไม่ใหญ่มาก โดยใช้หนังสือเล่มใหญ่ที่เด็กเห็นชัดโดยทั่วกัน
-ให้เด็กแบ่งกลุ่มเล็กๆ ผลัดกันอ่านด้วยการออกเลียงดัง
-ครูสอนการอ่านอย่างมีความหมายด้วยความสนุกสนานในกลุ่มย่อยสอนให้รู้จักวิธีการรักษาและเปิดหนังสืออย่างถูกวิธี
-เปิดโอกาสให้เด็กพูดคุยชักถามจากประสบการณ์เดิมที่ครูสามารถวัดความสามรถการอ่านของเด็ก
-ให้เด็กแต่ละคนมีโอกาสเลือกอ่านหนังสือที่ชอบและยื่มไปอ่านที่บ้านได้
-ให้เด็กได้ขีดเขียน ขีดเขี่ย วาดภาพสิ่งที่เรียนรู้จากประสบการณ์
-ครูตรวจสอบการเขียนของเด็กแต่ละคนโดยครูคอยแนะนำการเขียนอย่างถูกต้อง

*ขั้นของพัฒนาการในการอ่าน*
ขั้นแรก คำที่มีความหมายต่อชีวิตเด็ก ชื่อคน อาหาร สิ่งที่อยู่รอบตัว
ขั้นสอง ผู้เรียนจะผูกพันกับตัวอักษรเพิ่มขึ้น เรียกชื่อได้ หรืออ่านได้ถูกและเรียนรู้ที่อยู่ตำแหน่งของตัวอักษร
ขั้นสาม เด็กแยกแยะตัวอักษรตลอดจนระเบียบแบบแผนของตัวอักษรเริ่มอ่านจากซ้ายไปขาวซึ่งเป็นพื้นฐานทางด้านการอ่านของเด็กปฐมวัย
ขั้นสุดท้าย ระบบของตัวอักษร คือเป้าหมายปลายทางสุดท้ายของการอ่าน

*การรับรู้และพัฒนาการด้านภาษาเขียนของเด็กวัยก่อนเรียน*
-ระยะแรก เด็กเริ่มแยกแยะความแตกต่างระหว่างสัญลักษณ์ที่ใช้แทนอักษรและที่ไม่ใช้อักษร เขาจะใช้สัญลักษณ์ที่เขาคิดขึ้นมาเองแทนอักษร
-ระยะที่สอง ลักษณะสำคัญคือ การเขียนตัวอักษรที่ต่างกัน สำหรับคำพูดแต่ละคนพูด เด็กจะเริ่มแสดงความแตกต่างของข้อความ โดยการเขียนตัวอักษรที่ต่างกันโดยมีลำดับจำนวนตามที่เขาคิดไว้
-ระยะที่สาม เด็กเริ่มใช้ลักษณะการออกเสียงในขณะเขียน และการเขียนใกล้เคียง

บันทึกการเข้าเรียนครั้งที่12

วันอังคาร ที่ 25 มกราคม 2554

ในวันนี้อาจารย์และนักศึกษาได้ร่วมกันร่วมกันร้องเพลงดังนี้

เพลง สวัสดี
สวัสดี สวัสดี สวัสดี ยินดีที่พบกัน
เธอและฉัน พบกันสวัสดี

เพลง ชื่อของเธอ
ชื่อของเธอฉันไม่รู้จัก ครูถามทักนักเรียนเข้าใหม่
ชื่อของเธอฉันจำไม่ได้ ชื่ออะไรขอให้บอกมา
เพลง แปรงฟัน
แปรงสิ แปรง แปรง ฟัน ฟัน หนู สวย สะอาดดี
แปรงขึ้น แปรงลง ทุกซี่ สะอาดดีเมื่อหนูแปรงฟัน

เพลง แมงมุมลายตัวนั้น
แมงมุมลายตัวนั้นลายตัวนั้น ฉันเห็นมันชนซามเหลือทน
วันหนึ่งมันเปียกฝน ไหลลงจากบนหลังคา
พระอาทิตย์ส่องแสง ฝนแห้งเหือดไปลิบตา
มันรับไต่ขึ้นฝา หันหลังมาทำตาลุกวาว

เพลง บ้านของฉัน
บ้านของฉัน อยู่ด้วยกันมากหลาย
พ่อ แม่ ลุง ป้า ปู่ ย่า ตา ยาย
มีทั้ง น้า อานี่ และน้องมากมาย
ทุกคนสุขสบาย เราเป็นพี่น้องกัน

เพลง อย่าทิ้ง
อย่าทิ้ง อย่าทิ้ง อย่าทิ้ง ทิ้งแล้วจะสกปรก
ถ้าเราเห็นมันรก ต้องเก็บ ต้องเก็บ ต้องเก็บ

อาจารย์ให้นักศึกษาให้นักศึกษาถอดรหัสคำและไดเล่าถึงเรื่องราวของผมแกละ
อาจารย์ก็ได้สอนเกี่ยวกับ ภาษาธรรมชาติ การสอนภาษโดยองค์รวม
-โคมินิอุส เด็กสามารถค้นพบข้อมูลใหม่ๆได้ด้วยสิ่งที่เด็กค้นเคยในชีวิตอยู่แล้วเด็กจะเข้าใจสิ่งของที่เป็นรูปธรรมได้โดยการใช้ภาษาภาษาถิ่นหรือภาษาในชีวิตประจำวัน
-กู๊ดแมน สมิธ เมอร์ริดิธ ความรู้จะเกิดจากกระบวนการเรียนรู้และมีการพัฒนาภาษาพูด ภาษาเขียนซึ่งครูจะเห็นจากการที่เด็กๆอาศัยภาษาเป็นการสื่อสารในการแก้ไขปัญหาต่างๆอย่างมีความหมายครูใช้ภาษาทุกทักษะในการสื่อสาร การฟัง พูด อ่าน เขียน แบบองค์รวมในทุกกิจกรรมในห้องเรียน เช่น การทำจดหมายข่าว การเขียนบทความ การเขียนหนังสื่อ
-จูดิท นิวแมน การสอนโดยแนวคิดองค์รวม มีลักษณะเป็นปรัชญาความคิดของผู้สอนโดยการก่อตั้งหลักการสอนที่ผู้สอนนำมาบูรณาการ
-จอห์น ดิวอี้ การเรียนรู้ภาษาของเด็กเกิดจากประสบการณ์โดยตรงการลงมือกระทำด้วยตนเองทฤษฎีที่สำคัญเป็นการสะท้อนความคิดต่อการสอนของครู ครูผู้สอนควรบูรรรการด้สนภาษาให้กลมกลืนไปกับการเรียนรู้ทุกเรื่องในหลักสูตรซึ่งสรอดคล้อองกับแนวคิดของนักทฤษฎี

และบรรยายกาศในการเรียนการสอน วันนี้มีความสนุกสนานเพลิดเพลินมาก ได้ทั้งความรู้และเสียงหัวเราะเพื่อนทุกคนตั้งใจฟังที่อารย์สอน

บันทึการเข้าเรียนครั้งที่11

วันอังคารที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2554
ในวันนี้เรียนเกี่ยวกับ ภาษามีอิทธิพลต่อการรับรู้และการคิดของมนุษย์อย่างไร
การกำหนดความคิดหรือการกระทำของมนุษย์ เป็นกระบวนการพัฒนาทางสติปัญญา เป็นเครื่องมือันสำคัญของความคิด ซึ่งการเรียนภาษา เป็นการมโนทัศน์
-ภาษาจะต้องมีการแสดงออกทางด้านการสื่อสาร เช่น การย้ำ การปฎิเสธ การขอร้อง การออกคำสั่ง
-ภาษาจะมีความแตกต่างกันในหลายๆลักษณะ
และในวันนี้อาจารย์ได้มอบหมายงาน2ชิ้น คือ "ฉันชอบ กิน อะไร"และ"สมุดเล่มเล็ก"ซึ่งอาจารย์ให้นำมาส่งในครังต่อไป

วันพฤหัสบดีที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

บันทึกการเข้าเรียนครั้งที่ 10


วันเสาร์ที่ 15มกราคม 2554 (เรียนชดเชย)

ในวันนี้ได้นำปฏิทินอักษรมาส่งซึ่งอาจารย์ได้แนะนำว่าควรจะเขียนตัวหนังสือใหญ่กว่านี้
และอาจารย์ ได้สอนเกี่ยวกับ โครงสร้างของภาษามีดังนี้
- ระยะแยกแยะ อายุ6เดือน-1ปี ในระยะนี้ เด็กจะเริ่มแยกแยะสิ่งที่เขาได้ยิน เช่น เสียงพุโของแม่
- ระยะเลียนแบบ อายุ 1-2ปี เสียงที่อยู่ในสิ่งแวดล้อมโดดยเฉพาะเสียฃของคนที่ใกล้ชิดเป็นเสียงที่เด็กวัยนี้สนใจและเริ่มเลียนแบบ เสียงที่เด็กเปล่งออกมาจะเริ่มมีความหมายและแสดงกิริยาตอบสนองการได้ยินของผู้อื่น
- ระยะขยาย 2-4ปี เด็กจะเริ่มหัดพุดโดยการเปล่งเสียงออกมาเป็นคำโดยระยะแรกจะพูดโดยเรียกชื่อของคนที่อยู่รอบข้าง สิ่งต่างๆที่อยู่รอบตัวรวมทั้งคำคุณศัทพ์ที่ผู้ใหญ่พูดกัน
- ระยะโครงการ อายุ4-5ปี การรับรู้หรือการสังเกตของเด็กวัยนี้ดีขึ้นมากซึ่งทำให้เด็กได้สังเกตการใช้ภาของบุคลรอบข้างและนำมาทดลองใช้ ประสบการณ์ที่เด็กได้รับ เช่น จากการฟังนิทาน ดูรายการโทรทัศน์ การเล่นกับเพื่อน หรือพี่น้องการพูดคุยกับผู้ใหญ่ช่วยให้เด็กเก็บข้อมูลทางภาษาเพิ่มมากขึ้น
- ระยะตอบสนอง อายุ5-6ปี ได้พัฒนาทางภาษา ได้พัฒนาคำศัพท์เพิ่มรู้จักการใช้ประโยคเป็นระบบตามหลักไวยกรณ์
- ระยะสร้างสรรค์ อายุตั้งแต่6 ปีขึ้นไป เด็กจะสามารถพัฒนาทางภาษาดีมากขึ้น สารถจดจำทางภาษามากขึ้นสำหรับด้านการพูด สามารถใช้ถ้อยคำที่เป็นสำนวนความหมายลึกซึ้งได้เด้กจะพัฒนาวิเคราะหืและสร้างสรรค์ทักษทางภาษาได้สูงขึ้น
- สรุป การเรียนภาษาเป็นกระบวนการต่อเนื่องเด็กจะเรียนภาษาพูดและกฎเกณฑ์ต่างๆ จากการฟังเสียง